
วันที่ 21 ม.ค. 63 นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว เปิดเผยภายหลังได้รับรายงานสถานการณ์มลพิษและฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ จ.สระแก้วพุ่งสูงขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 หลังมีการระดมหน่วยงานบูรณาการเพื่อฉีดพ่นไอน้ำลดหมอกควันในพื้นที่เมืองอรัญประเทศ จ.สระแก้วในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่ยังไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นละอองและปัญหามลพิษทางอากาศให้ลดลงได้แต่กลับเพิ่มสูงขึ้นเพราะยังมีการเผาไร่อ้อยและพื้นที่การเกษตรต่อเนื่องทุกวันว่า สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ใน จ.สระแก้วจากเครื่องวัดอากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา
พบว่า วัดได้ 73 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับสีส้ม ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งอาทิตย์ที่แล้วเราก็ได้มีการรณรงค์ออกไปฉีดพ่นไอน้ำเพื่อลดมลภาวะที่เกิดขึ้น ซึ่งใน จ.สระแก้ว
ตอนนี้เรามีมาตรการแจ้งไปยังพื้นที่ตั้งแต่นายอำเภอ ส่วนราชการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้ควบคุมมลพิษที่เกิดจากการเผาและการก่อสร้าง โดยการเผาเราได้กำชับให้ นายอำเภอเกษตรอำเภอ เกษตรตำบล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ขอความร่วมมือในการงดการเผาตอซังข้าว และการเผาอ้อยซึ่งเป็นปัญหาหลัก
นายวรพันธุ์ กล่าวด้วยว่า สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกกฎหมายเรื่องของการเผา กรณีมีการเผาและลามเข้าไปในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า
รวมทั้งกฎหมายอาญา หากมีการเผาและเกิดไฟไหม้ลามไปบ้านเรือนหรือทรัพย์สินของชาวบ้าน ถือเป็นความผิดกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
,กรณีที่ 2 หากเผาแล้วไปกระทบกระเทือนเรื่องของสุขภาพร่างกายของชาวบ้าน ถือว่าผิดกฎหมาย พรบ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญาเช่นกัน
ทั้งนี้ ในส่วนของโรงงานอ้อยฯ ต้องเป็นผู้ตรวจสอบว่า แต่ละวันมีอ้อยที่เข้าโรงงานในแต่ละวันมีอ้อยสดเท่าไหร่ อ้อยไฟไหม้เท่าไหร่ เพื่อแก้ปัญหาโดยมีการหักเงินสำหรับอ้อยไฟไหม้ตันละ 30 บาท แล้วนำเงินดังกล่าวคืนให้กับคนที่ตัดอ้อยสด