
วันที่ 5 ม.ค.63 ร.ต.อ.สมปอง ข้อสว่าง รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุว่ามีอุบัติเหตุรถบัสชนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัสขณะเดินข้ามถนน ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ หมู่ 1 ต.หนองแวง อ.บ้านใหม่ไชยพจน์
จึงได้รายงาน พ.ต.อ.สมยศ ฟื้นชัยภูมิ ผู้กำกับการ สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมประสานหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน และหน่วยกู้ภัยฯ ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบ ร.ต.ท.ทองสา โพธิบัติ รองสารวัตรจราจร สภ.บ้านใหม่ไชยพจน์ นอนอยู่กลางถนนในสภาพมีเลือดออกทางปาก รู้สึกตัวแต่พูดไม่ได้ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยจึงได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลบ้านใหม่ไชยพจน์
ใกล้กันพบรถยนต์เก๋ง สีเทา หมายเลขทะเบียน ขอ-๔๒๐๔ นครราชสีมา ในสภาพ กระโปรงหน้ารถฝั่งขวามีรอยบุบ โดยมีนายอุทัย อายุ 32 ปี คนขับยืนอยู่ข้างรถ ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร
พบรถบัสโดยสารสาธารณะ สายกรุงเทพมหานคร – อุบลราชธานี หมายเลขทะเบียน ๑๐-๑๖๒๑ ปทุมธานีจอดอยู่ริมถนน ในสภาพกระจกบังลมด้านหน้าฝั่งขวามีรอยแตกร้าวมีนายสุรพล อายุ 54 ปี แสดงตัวเป็นคนขับ
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ร.ต.ท.ทองสา โพธิบัติ (ผู้ตาย) ได้เดินข้ามถนนจากฝั่งขาเข้า อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เพื่อจะไปซื้อกับข้าวที่อยู่อีกฝั่งถนน แต่ขณะกำลังเดินข้ามถนนอยู่นั้น รถบัสคันดังกล่าว ซึ่งขับออกมาจากสามแยกไฟแดง มาตามถนนฝั่งขาออกจาก อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ มุ่งหน้าไปทาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์
ได้พุ่งชน ร.ต.ท.ทองสา อย่างแรง จนทำให้ร่างของ ร.ต.ท.ทองสาฯ กระเด็นไปกระแทกบริเวณกระโปรงหน้ารถเก๋ง ที่วิ่งสวนทางมาจากทาง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ จนทำให้บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
ซึ่งขณะเกิดเหตุ ทางผู้รับเหมาก่อสร้างได้ปิดถนนฝั่งขาเข้า อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ เพื่อให้รถวิ่งสวนทางกันในช่องทางเดินรถขาออกเพียงช่องทางเดียว ทำให้ ร.ต.ท.ทองสา อาจจะไม่ทันมองรถอีกฝั่งที่วิ่งสวนทางมา ทำให้ถูกชนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตดังกล่าว
ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่บอกว่า ตั้งแต่ที่มีการก่อสร้างขยายถนนจาก 2 เลนเป็น 4 เลนมาประมาณ 2 ปีแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งช่วงที่มีการก่อสร้างถนนก็เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตมาแล้วหลายราย
ที่ผ่านมาก็เคยมีตำรวจประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตมาแล้ว 1 นายและล่าสุดก็เป็น ร.ต.ท.ทองสา เนื่องจากช่วงที่ก่อสร้าง ผู้รับเหมาจะเปิดให้รถวิ่งสวนกันฝั่งเดียวบางวันเปลี่ยนสลับ 2 ครั้งให้วิ่งสวนฝั่งขวาบ้างซ้ายบ้าง และไม่มีสัญญาณบ่งบอกผู้ที่สัญจรไปจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ