
ภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุบนถนนสายมาบยา เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง ของ นายไชยา ฟ้องเสียง อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดสกลนคร อาชีพ ขายกาแฟโบราณ อยู่ในพื้นที่มาบตาพุด ที่เป็นผู้ประสบอุบัติเหตุ ในช่วงเช้า เวลา 07.00 น.ของวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ขณะที่เขากำลังขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ พ่วงข้าง สีดำ-แดง ทะเบียน ขยท 596 ระยอง เพื่อจะไปขายกาแฟโบราณหน้าโรงงานแห่งหนึ่งที่ขายเป็นประจำในทุกวัน
ทีมข่าวได้รับการเปิดเผย จากนายไชยา ฟ้องเสียง และนางเสริม ทรายทอง 2 สามี ภรรยา ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าเขากำลังขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง อยู่บนถนนสาย มาบยา เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด ในขณะที่เปลี่ยนเลนถนนมาเลนขวาสุด เพื่อจะยูเทิร์นตรงจุดกลับรถ หน้าโรงพยาบาลมงกุฏมาบตาพุด-ระยอง ได้มีจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สี เทาดำ มีผู้ขับขี่เป็นหญิงอายุประมาณ 20 ปี ขับขี่ซ้อนท้ายกันมากับเด็ก อายุ ประมาณ 7 ขวบ มาด้วยความเร็ว ได้พุ่งชนเข้าที่ท่อไอเสียของรถ และล้อหลัง
จนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างที่เขาขับมากระเด็นไปในฝั่งเลนซ้ายที่มีรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุแคป รุ่นดราก้อน สีบรอนซ์ฟ้า ขับมาเกิดชนซ้ำ จนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างพลิกคว่ำ ข้าวของเทกระจัดกระจายจนเกลื่อนพื้นถนน ในจังหวะนั้นเขาสลบหน้าคว่ำอยู่กับพื้นถนน ก่อนที่จะมีพลเมืองดีในละแวกใกล้เคียงเข้ามาช่วยเหลือแล้วมาปลุกให้เขาตื่น จากนั้นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมงกุฏมาบตาพุดที่อยู่ในจุดเกิดเหตุได้นำรถเข็นมารับตัวไปรักษา
นายไชยา และนางเสริม ยังเล่าถึงศรัทธาความเชื่อของพวกเขาว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เหมือนมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเขา ที่หลังได้สติฟื้นขึ้นมา เขาพบว่ามีบาดแผลทั่วร่างกาย มีเพียงรอยถลอก ส่วนบาดแผลฉกรรจ์ พบมีที่ศีรษะ เป็นแผลแตก หมอเย็บไป 5 เข็ม และแผลถลอกบวมที่ท้ายทอย หลายคนเห็นสภาพขณะเกิดเหตุ แทบไม่เชื่อว่าจะรอดชีวิตมาได้ ส่วนตัวเชื่อว่า เป็นเพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คล้องติดตัวอยู่ตลอดมีหลวงปู่หนูเพชร รุ่นสารพัดดี จ.สกลนคร หลวงปู่ผ่าน จ.สกลนคร พระที่นับถือกันทั้งครอบครัวคอยปกป้องคุ้มครอง ไว้ซึ่งเขายืนยันว่าเป็นความเชื่อส่วนตัว
ส่วนอุบัติเหตุที่ประสบนั้น พวกเขาทั้ง 2 คน ยังคงเชื่อว่าตัวเขาเป็นฝ่ายถูก ซึ่งนายไชยา กล่าวว่า จำได้แน่ชัดว่าก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเลนถนน ขณะกำลังจะยูเทิร์นได้ให้สัญญาณเปิดไฟเลี้ยวแล้ว แต่จักรยานยนต์คู่กรณีที่ขับขี่มาในเลนขวาสุดของถนนกลับขับมาด้วยเร็วจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วชี้ให้ตนเป็นฝ่ายผิด ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด รวมแล้วมีมูลค่าอยู่หลายหมื่นบาท ในการชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งตนก็ยอมรับในผลที่เกิดขึ้นคิดเสียว่าเป็นความซวย เป็นเคราะห์กรรม ที่เกิดขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจที่อยากจะให้เกิด
สำหรับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนายไชยา จึงขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ ขับขี่รถควรใช้ความระมัดระวัง อุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะต้องเสียเวลาแถมเจ็บตัว พร้อมกันนี้ได้ฝากคำถาม ว่าเมื่อทุกท่านได้ชมคลิปภาพเหตุการณ์อุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว ช่วยพิจารณาให้ด้วยว่าใครผิดถูกขอฝากเป็นคำถาม มา ณ ที่นี้ด้วย