
วันที่ 18 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่เดินทางไปชมปรากฏการความแปลกของต้นไม้ภายในวัดห้วยชินสีห์ ต.อ่างทอง อ.เมือง จ.ราชบุรี งอกออกมาเป็นสีทอง หรือ สีขาวอมชมพู
ซึ่งมีขึ้นอยู่เพียงต้นเดียวและ แตกเป็น 9 ช่อ หลัง พระมหาสำรวย ปัญญาสาโร เจ้าอาวาส เป็นผู้มาพบและนำมาบอกกล่าวให้ญาติโยมที่มาทำบุญภายในวัดทราบ
เนื่องจากนำมาปลูกไว้กว่า 20 ปี ไม่เคยมีมาก่อน ชาวบ้านจึงพากันมาชมความงามของต้นไม้ และ นำไปเสี่ยงโชคลาภถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว 92 กันจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่วัดห้วยชินสีห์ พบกับพระมหาสำรวย ปัญญาสาโร เจ้าอาวาส และ นายอุไร ปลื้มใจ อายุ 70 ปี ซึ่งเป็นไวยาวัจกรประจำวัด พร้อมทั้งพาไปดูจุดที่ต้นไม้สีทองขึ้นดังกล่าว ซึ่งอยู่บริเวณด้านข้างศาลาประกอบพิธีงานบุญ เชิงบันไดพญานาค
โดยพบว่า ต้นไม้สีทองต้นดังกล่าวคือต้นแจง หรือ ต้นแกง ที่ทางเจ้าอาวาสได้นำมาปลูกไว้เมื่อ 20 ปีก่อน ซึ่งขึ้นอยู่เพียงต้นเดียว และอยู่ติดกับจอมปลวกที่ติดกับต้นแจงต้นใหญ่
ซึ่งลำต้นมีลักษณะสีทอง หรือ สีขาวอมชมพู แตกออกเป็น 9 ช่อ มีความสูงประมาณ 80 – 90 เซนติเมตร ส่วนที่ปลายยอด ใบอ่อนแตกยอดเป็นสีชมพูอมม่วง ซึ่งดูแล้วมีความแปลก เนื่องจากภายในวัดมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นจำนวนมาก และไม่มีต้นไหนออกสีเหมือนกับต้นดังกล่าว
และหลังจากเมื่อวันที่ 16 ม.ค.65 ที่ผ่านมาก่อนวันหวยออก ชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างก็เดินทางมาดูและนับช่อของต้นไม้และจำนวนปีที่ปลูก โดยตีเลขกันได้ 159 และ 920 และ 59 / 92
ซึ่งตรงกับรางวัลที่ 1 และเลขท้าย 2 ตัวงวดประจำวันที่ 17 ม.ค.65 หมายเลขรางวัล 159 และ 92 ทำให้มีโชคถูกรางวัลกันถ้วนหน้า
นายอุไร เล่าว่า ต้นไม้ดังกล่าวคือต้นแจง เป็นต้นไม้ที่ทางเจ้าอาวาสวัดได้ล้อมมาปลูกภายในวัดเมื่อ 20 ปี ก่อน ปลูกไว้จำนวน 15 ต้น เนื่องจากเป็นต้นที่ไม่ค่อยผัดใบ และอายุยืน ให้ร่มเงาเพราะใบแพร่ปกคลุมเหมือนหางนกยูง
อีกทั้ง ยังมีสรรพคุณเป็นยาหลายชนิด โดยเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา พระมหาสำรวย ปัญญาสาโร เจ้าอาวาส ได้เดินผ่านมาพบเห็นทีแรกนึกว่าใครมาจุดไฟเผาต้นไม้จนกลายเป็นสีแห้งๆ จึงเดินเข้ามาดู ปรากฏว่าเป็นสีเหลืองทอง ซึ่งสร้างความแปลกใจ
เนื่องจากปลูกมากว่า 20 ปี ต้นที่งอกมาก็จะออกเป็นแต่สีเขียว มาในครั้งนี้ออกเป็นสีทอง พอผ่านไปได้ 2 วันใบก็กลายเป็นสีขาวอมชมพู ช่วงปลายจะออกสีชมพูอมม่วง จึงได้มาเล่าให้ญาติโยมฟัง ทำให้ชาวบ้านเกิดความสนใจขึงเดินทางมาดูกันไม่ขาดสาย
โดยเฉพาะก่อนวันหวยออก ชาวบ้านเข้ามาชมและนำไปตีเป็นเลขเด็ดถูกรางวัลกันหลายคน วันนี้ตนจึงต้องนำเชือกมากั้นเขตเพราะกลัวจะมีคนเข้ามาเด็ด ทำให้ต้นไม้ตายได้
สำหรับ "ต้นแจง" หรือ "ต้นแกง" มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย มีเขตการกระจายพันธุ์ในประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม โดยจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กไม่ผลัดใบ พบได้บ้างที่เป็นไม้พุ่มเตี้ย ๆ เป็นพรรณไม้โตช้า มีความสูงของต้นประมาณ 5-10 เมตร แตกกิ่งแขนงมากมายคล้ายกับไม้พุ่ม
กิ่งก้านแตกออกแผ่เป็นรูปร่ม เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวเข้มจนเกือบดำ เปลือกเรียบหรือแตกเป็นสะเก็ดเล็ก ๆ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดหรือวิธีการตอนกิ่ง สามารถขึ้นได้ในดินแทบทุกชนิด
พบขึ้นได้ในป่าละเมาะ ป่าดิบแล้ง ป่าผสมผลัดใบ ป่าเต็งรังแล้ง ป่าโปร่งแห้ง เขาหินปูน ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 0-400 เมตร โดยจะพบได้มากทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ส่วน "สรรพคุณของต้นแจง" อาทิ รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย ลำต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงธาตุในร่างกาย ทำให้กระปรี้กระเปร่าและแข็งแรง เปลือกต้น ราก และใบแจงนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ดีซ่าน (เปลือกต้น, ราก, ใบ)บ้างว่าใช้ทั้งต้นต้มดื่มเป็นยาแก้ดีซ่าน (ทั้งต้น, ใบ)
ใช้ยอดและใบแจงเป็นยาแก้ไข้ ใช้เป็นยาแก้ไข้มาลาเรีย ด้วยการใช้เปลือกต้น ราก และใบนำมาต้มกับน้ำดื่ม ต้นช่วยแก้อาการร้อนในกระหายน้ำ ยอดอ่อนผสมเกลือใช้รักษาโรครำมะนาด ช่วยแก้อาการหน้ามืดตาฟาง ด้วยการใช้เปลือกต้น ราก และใบ นำมาต้มกับน้ำดื่ม
ยอดอ่อนนำมาต้มใช้ล้างหน้าจะช่วยแก้ตาฝ้าฟางได้ ใบและยอดนำมาตำหรือโขลกให้พอแหลกเล็กน้อย แล้วปั้นกลม ๆ เป็นลูกกลอนขนาดเท่าหัวแม่มือนำมาใช้สีฟัน จะช่วยทำให้ฟันทน ปากหอม ฟันขาวสะอาดสดชื่น และ ใบช่วยแก้ฟันผุ
ทั้งนี้ ต้นแจงจัดเป็นไม้ยืนต้นที่มีคุณค่าและมีประโยชน์ เป็นต้นไม้หายากที่กำลังจะถูกลืมเพราะไม่เป็นที่รู้จักกันนัก จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์ เหมาะแก่การนำมาปลูกเป็นไม้ประดับเพื่อชื่นชมความงามของดอกและผลที่มีลักษณะสวยงามและแปลกตา
อีกทั้งยังเป็นต้นไม้ที่มีทรงพุ่มสวยงาม เหมาะใช้ปลูกเพื่อตกแต่งภูมิทัศน์ ปลูกให้ความร่มรื่นและร่มเงาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้เพื่อแจกแจงอายุขวบขัยของวงปีต้นไม้ได้ สังเกตได้การตัดไม้ตามขวางของลำต้นจะเห็นวงปีได้ชัดเจน จึงนิยมนำมาใช้เป็นตัวอย่างในการเรียนการสอนทางชีววิทยา (ข้อมูลโดย : กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)