
วันที่ 16 มกราคม 2565 ขณะที่ ร.ต.อ.ไพบูลย์ ไชยสิทธิ์กุล รอง สว.สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งเหตุสามีใช้อาวุธปืนพกสั้นยิงภรรยาก่อนยิงตัวเองตายตาม
เหตุเกิดบริเวณโรงจอดรถใต้ถุนบ้าน บ้านดงน้อย ต.ปะโค อ.กุมภวาปี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ นาขวา ผกก.สภ.กุมภวาปี พ.ต.ท.อัมรินทร์ อยู่เย็น รอง ผกก.สส.สภ.กุมภวาปี นำกำลังตำรวจสืบสวน
และตำรวจป้องกันและปราบปราม สภ.กุมภวาปี และประสานแพทย์เวร รพ.กุมภวาปี ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุดรธานี อาสาหน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาธรรมกุมภาวาปี รุดตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกิดเหตุพบชาวบ้านยืนมุงดูกันจำนวนมาก
ทราบชื่อผู้ตายคือ นายพานทอง หรือมุ้ย อายุ 34 ปี สามี ลูกชายเจ้าของบ้าน สภาพศพนอนตะแคงหันหลังชนกันกับ นางสาวอารยา หรือเวย์ อายุ 26 ปี ภรรยา ตรวจสอบสภาพศพ นางสาวอารยาฯ ภรรยา ถูกยิงด้วยอาวุธเข้าบริเวณท้ายทอย 2 นัด หัวไหล่ด้านซ้าย 1 นัด กระสุนฝังใน เลือดไหลนองพื้น
ส่วนนายพานทองฯ สามี ถูกอาวุธปืนยิงเข้าบริเวณขมับด้านขวา 1 นัด กระสุนทะลุออกขมับด้านซ้ายมันสมองกระจาย โดยศพนายพานทองฯสามี นอนทับอาวุธปืนพกสั้นแบบออโตเมติกไทยประดิษฐ์ ลำกล้องขนาด 9 มม. สีเงิน ที่ใช้ยิงภรรยาและตัวเองเสียชีวิตอยู่ข้างรถกระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์
ใกล้กับศพพบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 มม. ตกอยู่พื้น 4 ปลอก ลูกกระสุนปืนที่ยังไม่ได้ยิง 4 นัด และในรังเพลิงอีก 1 นัด รวม 9 นัด นอกจากนี้ยังพบยาบ้าตกกระจายอยู่บนพื้น 18 เม็ด
ตรวจสอบในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของ นายพานทองฯสามี พบถุงพลาสติกบรรจุยาบ้าอีก 58 เม็ด ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากการสอบสวนนางดารา แม่นายพานทองให้การว่า ก่อนเกิดเหตุลูกสะใภ้และลูกชายไปกินข้าวเย็นอยู่ที่บ้านพ่อตาแม่ยาย ที่อยู่ห่างกันราว 500 เมตร และลูกชายขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้าน ส่วนลูกสะใภ้ยังอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของเขา
ลูกชายได้โทรศัพท์หาภรรยาให้กลับมานอนที่บ้าน และมีน้ำเสียงเหมือนจะทะเลาะกัน จากนั้นลูกสะใภ้ให้ญาติขี่รถจักรยานยนต์มาส่ง แล้วจะพากันขับรถกระบะไปส่งญาติภรรยาที่บ้าน แต่ยังไม่ได้ไปก็เกิดมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง
ตนจึงออกไปดูและบอกลูกชายและลูกสะใภ้ว่า เมื่อมาหากันแล้วทะเลาะกันก็ไม่ต้องมา จากนั้นตนก็เดินกับเข้าบ้าน แล้วได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด จึงวิ่งออกมา พบว่าลูกชายกำลังใช้ปืนจ่อยิงหัวตนเอง ตนตกใจมากร้องบอกลูกชายว่าอย่าทำ แต่ลูกชายก็พยามลั่นไกปืนอยู่หลายครั้ง คาดว่ากระสุนปืนขัดลำกล้อง
ก่อนจะได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด และร่างลุกชายก็ล้มลงกับพื้นข้างศพลูกสะใภ้”สาเหตุหลักมาจากเรื่องลูกชายหึงหวงเมีย กลัวเมียปันใจให้ชายอื่น ซึ่งตนก็รู้ว่าลูกชายเป็นคนขี้หึง และเพิ่งอยู่กินกันฉันสามีภรรยามาได้เพียง 2-3เดือน แต่ยังไม่มีลูกด้วยกัน
ตนเองเคยได้ยินลูกชายกับลูกสะใภ้คุยกันว่า ถ้าไปมีคนใหม่จะฆ่าให้ตาย และไม่คิดว่าลูกชายจะทำจริง โดยทุกครั้งที่มาบ้านก็จะทะเลาะกันเรื่องนี้เป็นประจำ แต่เวลาอยู่บ้านฝ่ายหญิงจะไม่ทะเลาะกัน ตนเป็นแม่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ตนก็เคยเตือนลูกชายอยู่ตลอดว่า อย่าฆ่ากันเลยเพราะจะติดคุกตลอดชีวิต
และวันนี้ลูกชายก็ดูแปลกๆ ช่วงกลางวันลูกชายมากอดและมาหอมแม่ เพราะทุกครั้งเพียงแค่กอดแม่ พร้อมกับบอกว่าให้แม่อยู่ดีๆ อย่าคิดอะไรมาก ผมจะให้แม่สบาย เหมือนกับพูดเป็นลางไม่ดี
ด้าน นายสว่าง อายุ 69 ปี พ่อฝ่ายหญิง ให้การว่า ช่วงเย็นทั้ง 2 คน มากินข้าวที่บ้านตน และไม่มีอาการจะมีเรื่องทะเลาะกัน จากนั้นลูกเขยขี่รถจักรยานยนต์กลับมาบ้านของเขา
เวลาประมาณ 20.00 น. ลูกเขยได้โทรศัพท์มาหาภรรยาให้กลับไปนอนที่บ้านสามี ปกติแล้วทั้งสองคน และจะไปมาๆนอนที่บ้านภรรยาบ้างและบ้านของตนเองบ้าง เพราะแม่ของลูกเขยยังไม่แข็งแรงดี และจะกลับมาหุงข้าวปลาอาหารให้กินแม่กิน
ส่วนค่าสินสอดที่ลูกเขยมาสู่ขอลูกสาวเป็นเงิน 2.5 หมื่นบาท ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โตเพียงผูกข้อไม้ข้อมือให้ญาติทั้งสองฝ่ายรับรู้ตามประเพณีได้ยังไม่ถึง 3 เดือน
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นตน ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนก็เสียใจมาก เคยบอกลูกสาวแล้วว่าถ้าจะคบกับใครให้เลือกดูเอง เพราะโตแล้ว แต่ลูกเขยเป็นคนขี้หึง และทะเลาะกันบ่อยมาก
แม้กระทั้งญาติพี่น้องที่เป็นผู้ชายมาพูดคุยกับภรรยา และเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็กลูกเขยก็ยังหึง ก่อนเกิดเหตุลูกสาวได้ให้น้าสาวขี่รถจักรยานยนต์มาส่งบ้านสามี แล้วก็ถูกสามียิงตาย
นางหนูไกร แม่ของนางสาวอารยาฯ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า ช่วงเย็นวันนี้ลูกสาวและลูกเขยได้ซื้อเนื้อวัวมาทำลาบกินมื้อเย็นด้วยกันที่บ้าน รู้ว่าลูกเขยเคยต้องโทษเป็นคนมีประวัติ พ่อลูกเขยเสียก็ไม่ได้มาร่วมงานศพ แม่ก็ป่วยแขนขาไม่มีแรง
แต่ด้วยความที่ลูกสาวเลือกและรักคนนี้ แม่ก็เชื่อใจลุกเขยก็เคยรับปากว่าจะกลับตัวเป็นคนดี ก็เลยยินดีรับเป็นลูกเขย และเห็นว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน เท่าที่เห็นก็เป็นคนทำงาน ไปเกี่ยวข้าวช่วยอยู่ตลอด ทำงานทุกอย่างทำงานดีไม่มีที่ติ
ลูกเขยเป็นคนไม่ค่อยพูด ใช้งานอะไรก็รับปากตลอดมีแต่ยิ้มรับอย่างเดียว ทำให้ไม่เคยคิดว่าจะมาทำอย่างนี้กับลูกสาวของตัวเอง “ที่ผ่านมาไม่เคยรู้ว่าลูกเขยมีปืน ถ้ารู้จะได้บอกลูกสาวให้ระวังตัว 2-3 วันที่ผ่านมา ลูกสาวได้มาบอกว่าจะไปทำงานกับพี่ชายที่พัทยา ให้ช่วยหาเงินให้หน่อย อยากไปทำงานต่างพื้นที่
คิดว่าลูกสาวก็รู้ว่าลูกเขยมีปืนจึงขอไปทำงานที่อื่น แต่ไม่กล้าบอกแม่ ก่อนหน้านี้ไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลย แต่อีกาบินวนร้องเสียงดังอยู่ในหมู่บ้านติดต่อกัน 3-4 วัน เป็นเรื่องที่ชาวบ้านและพระในวัดป่าประจำหมู่บ้านรู้กันอยู่แล้ว
เนื่องจากหากมีอีการ้องแถวบ้านจะมีคนเสียชีวิตเป็นประจำ และมีคนเสียชีวิตก็ร้องอยู่ตลอด โดยแต่ละครั้งถ้าไม่มีคนเสียชีวิตถึง 3-4 ศพ อีกาก็ไม่เลิกร้อง เมื่อวันก่อนก็เพิ่งเผาไป 1 ศพ และพระหลวงพ่อท่านยังบอกอีกว่ายังเหลืออยู่อีก 2 ศพนะโยม ไม่คิดว่าจะมาเป็นลูกสาวและลูกเขยของตนเอง
ด้าน พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า หลังจากสอบถามเบื้องต้น พยานที่เห็นเหตุการณ์ คือแม่ฝ่ายชาย ได้ยินเสียงอาวุธปืนดังขึ้น จึงออกมาดูพบว่าลูกชายใช้ปืนยิงภรรยา ก่อนที่จะใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเอง
โดยผู้ก่อเหตุเคยต้องโทษในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ในปี พ.ศ.2552 ติดคุก 6 ปี ออกมาได้เพียง 4-5 เดือน ก็มาถูกจับดำเนินคดีในข้อหา ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท1 (ยาบ้า) เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
หลังพ้นโทษออกมาได้เพียง 4 เดือน ก็มาคบหาและแต่งงานกับนางสาวอารยาฯ แต่ฝ่ายชายเป็นคนขี้หึง และให้ภรรยาลาออกจากงานที่โรงงานน้ำตาล มาทำไร่ทำสวนทำนาอยู่ที่บ้าน และอยู่กินด้วยกันได้ไม่นานก็มาเกิดเหตุสลดขึ้น