
การประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีวาระพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พืชกระท่อม พ.ศ.... ซึ่ง กรรมาธิการ (กมธ.) ที่มี นพ.เจตน์ ศิรธารานนท์ ส.ว. เป็นประธาน กมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ ในวาระสอง และวาระสาม ทั้งนี้ร่างที่ผ่านการพิจารณาของ กมธ. ได้แก้ไขเปลี่ยนแปลงจากเนื้อหาที่สภาผู้แทนราษฎรได้ลงมติเห็นชอบ
โดยประชุมวุฒิสภา ได้ใช้เวลาพิจารณาวาระสอง นานกว่า 8 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นได้ลงมติในวาระสาม โดยได้รับเสียงเห็นชอบเสียงเป็นเอกฉันท์ 145 เสียง
ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวได้แก้ไขเพิ่มเติมจากฉบับที่รับมาจากสภา ดังนั้นต้องส่งคืนให้สภาพิจารณาอีกครั้ง ว่าจะเห็นชอบกับที่วุฒิสภาแก้ไขหรือไม่ หากไม่เห็นด้วยต้องตั้งกรรมาธิการร่วมกัน เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวอีกครั้งก่อนจะเข้าสู่กระบวนการทูลเกล้าฯ
และทำให้ ร่าง พ.ร.บ. พืชกระท่อม พ.ศ.... เป็นร่างกฎหมายฉบับที่ 2 ที่ต้องส่งให้สภาพิจารณาอีกครั้ง โดยฉบับแรกคือ ร่างพ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่...) พ.ศ.....
โดยที่ประชุมวุฒิสภาเสียงข้างมาก ได้เห็นชอบต่อการแก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาของ กมธ. ในหลายประเด็น อาทิ ใน มาตรา 25 ว่าสถานที่ห้ามขายใบกระท่อม โดยได้เพิ่มเติมห้ามขายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ และเติมอำนาจให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ออกประกาศกำหนดในสถานที่ หรือวิธีการใด หรือลักษณะอื่นใด เพื่อคำนึงถึงอนาคตที่อาจมีช่องทางการขายอื่นๆ เพิ่มเติม และเพื่อไม่ให้กลับมาแก้ไขกฎหมายที่มีขั้นตอนและใช้ระยะเวลานาน
ทั้งนี้มีบางเสียงที่มองต่าง เช่น ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ สมาชิกวุฒิสภา ที่ลุกขึ้นอภิปรายว่า เห็นว่า ไม่ควรห้าม “การขายพืชกระท่อมออนไลน์” ตามร่าง พ.ร.บ. พืชกระท่อมหมวด 6 ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรการคุ้มครองไม่ให้บุคคลได้รับอันตรายจากการบริโภคใบกระท่อมหรือใช้ใบกระท่อมในทางที่ผิด เพราะปัจจุบันทางราชการมีเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ Social Listening เป็นเครื่องมือที่ช่วยติดตามตรวจจับ “การขายของทางออนไลน์” ได้ง่ายกว่าการขายแบบอื่น เพราะการห้ามขายทางออนไลน์ เท่ากับเป็นการการส่งเสริมให้มีการขายในรูปแบบอื่นมากขึ้น
ขณะที่หมวดว่าด้วยบทกำหนดโทษ กมธ. ได้แก้ไข มาตรา 34 โดยเพิ่มวรรคท้าย ระบุว่า กรณีขายให้กับบุคคลที่กฎหมายกำหนดห้ามขาย คือ อายุต่ำกว่า 18 ปี, สตรีมีครรภ์, สตรีให้นมบุตร หรือบุคคลอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด ต้องระวางโทษเป็นสองเท่า คือ จากไม่เกิน 5 หมื่นบาท