วันที่ 6 พ.ย. น.ส.ปภัสสร อายุ 37 ปี ชาว อ.แม่สลอง จ.เชียงราย พร้อมด้วย นายอนุวัฒน์ อายุ 30 ปี น้องชาย นำหลักฐานเข้าร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว
กรณีถูกกลุ่มมิจฉาชีพอ้างชื่อแอปลิเคชั่นขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง หลอกลวงให้ร่วมสมัครงานและทำหน้าที่โฆษณาสินค้าให้ โดยจะให้ค่าตอบแทนในการทำภารกิจแต่ละครั้ง สุดท้ายหลงเชื่อถูกหลอกเสียเงินไปกว่า 6 แสนบาท
น.ส.ปภัสสร เล่าว่า ก่อนหน้านี้ได้หางานตามช่องทางออนไลน์ กระทั่งไปเจอแอพลิเคชั่นที่ชื่อว่า “Part time-2021” เมื่อเข้าไปดูพบรายละเอียดว่า “งานดังกล่าวคือ การกดไลค์/กดแชร์ เพิ่มยอดเข้าชมและคอมเม้นสินค้า เพื่อรับผลตอบแทนค่าคอมมิชชั่น 20 เปอร์เซ็นต์”
โดยผู้ใช้ไลน์ที่ทางแอปได้ระบุไว้ ได้แจ้งว่าผู้สมัครร่วมงานต้องจ่ายเงินค่าทำกิจกรรมจำนวน 100 บาท ตนเกิดความสนใจจึงได้ลองสมัครและโอนเงินไป 100 บาท
จากนั้นระบบได้แจ้งให้ตนเข้าไปกดไลค์สินค้าในแอพพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ชื่อดัง เมื่อทำตามปรากฏว่าได้ค่าตอบแทนจริง โดยได้เงิน 150 บาท ซึ่งเป็นเงินที่โอนไปครั้งแรก 100 บาท และ ค่ากดไลค์อีก 50 บาท
ต่อมาทางฝ่ายบุคคลของแอปดังกล่าว ได้เสนองานให้อีก โดยการส่งคิวอาร์โค้ดให้สแกน รอบนี้ได้ให้ตนโอนเงินไปในจำนวน 1,500 บาท ปรากฏว่าทำแล้วได้เงินคืนมา 1,800 บาท รวมทุน
ตนเองเห็นว่าได้เงินจริงจึงหลงเชื่อทำตามอีกหลายครั้ง และเพิ่มจำนวนเงินขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 3,000 บาท ได้เงินคืน 3,600 บาท จนมาครั้งที่สี่โอนไป 5,000 บาท ปรากฏว่าไม่ได้เงินคืน
สอบถามไปอ้างว่าเกิดข้อผิดพลาดและขอให้โอนเงินให้อีก 15,000 บาท ด้วยความที่เกรงจะไม่ได้เงินยอดก่อนหน้านี้คืนจึงได้โอนไปให้
แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่ได้และถูกหลอกให้โอนเงินอีกหลายครั้ง แอบอ้างสารพัด ยืนยันว่าจะได้เงินคืนแน่นอนแต่ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข ตนก็ทำตามโดยโอนเงินไปตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.64 จนกระทั่งถึงวันที่ 3 พ.ย.64 หลายครั้ง
หลังจากโอนเงินไปได้ระยะหนึ่งแล้วก็ยังไม่ได้เงิน แต่กลับถูกดึงเข้ากลุ่มไลน์อีกกลุ่มหนึ่งที่มีคนทำงานในลักษณะดังกล่าวอีก 4 คน โดยฝ่ายบุคคลได้ขอให้ทำงานในลักษณะเดิม แต่มีภารกิจต่อไปเรื่อยๆ โดยจะมีเงินในการลงทุนทำภารกิจแต่ละครั้งตามที่แจ้งมา
ซึ่งครั้งหลัง ๆ ภารกิจแต่ละครั้งจะเป็นให้โอนเงินหลักหมื่นบาทขึ้นไป แต่เมื่อโอนไปทำภารกิจเสร็จแล้วก็พบว่าเงินที่ลงทุนไปนั้นไม่สามารถถอนออกมาได้ ประกอบกับตนอยากได้เงินที่โอนไปทั้งหมดก่อนหน้านี้คืน จึงหลงเชื่อโอนเงินไปทำภารกิจอื่นอีกเรื่อยๆ
กระทั่งสุดท้ายเงินเก็บในบัญชีที่มีอยู่หมดเกลี้ยง 642,198 บาท จึงรู้ตัวว่าถูกหลอก และ เข้าแจ้งความที่ สภ.สันทรายเมื่อวันที่ 3 พ.ย.64 ที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้าและเงินก็ยังคงไม่ได้คืนแต่อย่างใด
น.ส.ปภัสสร บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยทำอาชีพหมอนวด เงินที่สูญเสียไปนั้นก็เป็นเงินที่หามาทั้งชีวิตกว่า 10 ปี พอตกงานช่วงโควิดก็ออกมาขับไลน์แมน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้รู้สึกเสียใจมาก เพราะเงินที่เก็บมาถูกหลอกไปทั้งหมดจนตอนนี้ไม่เหลืออะไรเลยเพียงแค่ไม่กี่วัน
นอกจากนี้แล้วเงินบางส่วนที่ถูกหลอกไปยังเป็นเงินของแม่ที่เก็บไว้เพื่อทำศพเมื่อล่วงลับไปแล้ว แต่ก็ถูกหลอกไปและก็ยังไม่กล้าบอกกับแม่เพราะกลัวว่าแม่จะตกใจ
จึงอยากขอให้ตำรวจช่วยเหลือเร่งรัดคดีที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าหากล่าช้า ทางกลุ่มมิจฉาชีพชีพดังกล่าวจะไหวตัวทันและหลบหนีไป ที่สำคัญคืออยากได้เงินคืน คาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายเกี่ยวกับคดีนี้อยู่อีกจำนวนมาก
นายอนุวัฒน์ น้องชายของผู้เสียหาย บอกเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาทราบภายหลังจากที่พี่สาวได้โอนเงินไปแล้ว รู้สึกตกใจมาก หลังพากันไปแจ้งความตำรวจได้รับเรื่องไว้ และนัดให้ปากคำเพิ่มเติม ในวันที่ 11 พ.ย.64
แต่ต่อมาวันที่ 4 พ.ย.64 ตำรวจได้โทรมาหา โดยบอกว่า ข้อมูลที่ได้โอนเงินไปนั้นเป็นเบอร์พร้อมเพย์ ซึ่งไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นธนาคารอะไร และให้ลองติดตามดูว่าชื่อที่ได้โอนไปนั้นเป็นธนาคารอะไร ซึ่งตนก็ได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว
ตนเองเกรงว่าคดีจะล่าช้าจึงได้ขอความช่วยเหลือกับทางสื่ออีกทางหนึ่ง พร้อมทั้งอยากฝากเตือนกับประชาชนและสังคมด้วยว่า ให้กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นอุทาหรณ์
และเป็นตัวอย่างด้วยว่า การทำงานและได้เงินง่ายๆ ในลักษณะเช่นนี้ไม่มีจริง และอยากให้ทุกคนมีสติ อย่าหลงเชื่อจนตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะนี้
