วันที่ 18 ก.ย.64 ร.ต.อ.เสนอ สุภาษิต รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ถาวร อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีเหตุชายเมาสุราคลุ้มคลั่งใช้ท่อนไม้
และก้อนหินขว้างปาใส่รถยนต์ที่วิ่งสัญจรไปมาบนถนนสายเฉลิมพระเกียรติ – ละหานทราย ช่วงบริเวณบ้านยายแย้มวัฒนา ต.ยายแย้ม อ.เฉลิมพระเกียรติ มีรถได้รับความเสียหายหลายคัน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง
พบชายหนุ่มอายุประมาณ 40 ปี สวมเสื้อสีเหลือง กางเกงขาสามส่วนสีเทาเดินถือท่อนไม้ขวางอยู่กลางถนนลักษณะอาการคลุ้มคลั่งจะปาท่อนไม้และก้อนหินใส่รถยนต์ของผู้สัญจรผ่านไปมา สร้างความตกใจให้กับผู้ขับขี่ต่างพากันจอดรถเป็นแถวยาวเหยียด
ตำรวจเห็นท่าไม่ดีเพราะเบื้องต้นมีรถสิบล้อและรถเก๋ง ถูกชายคนดังกล่าวใช้ท่อนไม้ และก้อนหินขว้างปาใส่กระจกแตกเสียหายไปแล้ว 3 คัน จึงได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชน เข้าชาร์จจับกุมชายคนดังกล่าวซึ่งก็เป็นไปอย่างทุลักทุเลกว่าควบคุมตัวได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวชายคนดังกล่าวส่ง รพ. เฉลิมพระเกียรติ เนื่องจากชายคนดังกล่าวมีอาการเจียนเมื่อเจ้าหน้าที่สอบถามก็บอกว่าดื่มสุราและยาเบื่อหนู ก่อนจะนำตัวไปสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สอบถามนางนภัสสรณ์ อายุ 49 ปี เล่าว่า เห็นชายคนดังกล่าวซึ่งก็เป็นคนในหมู่บ้าน เดินออกมาอยู่ริมถนนแล้วใช้ท่อนไม้ ก้อนดินก้อนหินขว้างปาใส่รถที่ขับผ่านไปมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้รถเสียหายประมาณ 3 คัน
แต่เท่าที่เห็นก็คิดว่าน่าจะเมาหรือมีอาการไม่ปกติ ตนเห็นท่าไม่ดีจึงได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาตรวจสอบและช่วยควบคุมตัวชายคนดังกล่าว เพราะเกรงจะทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายมากกว่านี้ และอาจจะเป็นอันตรายกับผู้สัญจรไปมาด้วย
ด้านนายทวี อนาถเนตร ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า ชายที่มีอาการคลุ้มคลั่งใช้ท่อนไม้และก้อนหินขว้างปารถคนผ่านไปมา คือ นายวรรณสาร หรือยนต์ อายุ 36 ปี เป็นชาวบ้านในหมู่บ้าน
ส่วนสาเหตุที่มีอาการคลุ้มคลั่งเนื่องจากนายยนต์ ดื่มสุราจนมึนเมาทั้งยังกินยาเบื่อหนูด้วย เพราะหวังจะฆ่าตัวตายประชดภรรยาที่เพิ่งหนีไป แต่กลับไม่ตายแต่เกิดอาการหลอนคลั่งนำท่อนไม้และก้อนหินปาใส่รถยนต์ของผู้ที่สัญจรผ่านไปมา
จนทำให้รถได้รับความเสียหายหลายคันและสร้างความตกใจให้กับผู้คนใกล้เคียงและคนที่ขับรถผ่านไปมา เพราะกลัวจะได้รับอันตราย
ซึ่งที่ผ่านมาเวลาที่นายยนต์ ดื่มเหล้ามึนเมาก็จะชอบสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น จนไม่มีใครอยากจะยุ่งวุ่นวายด้วย ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเมาจนคลุ้มคลั่งทำลายทรัพย์สินคนอื่น
