
วันที่ 17 ก.ย.นายธีระพล ขุนพานเพิง นายอำเภอเมืองบึงกาฬ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า จากกรณีที่ นางถาวร ผลจันทร์ อายุ 58 ปี บ้านท่าโพธิ์ ต.บึงกาฬ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬ
ได้ออกจากบ้านไปหาปลากับเพื่อนบ้านที่ฝายน้ำล้นห้วยกำแพง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 2 กิโลเมตรและได้เกิดอุบัติเหตุพลัดตกลงไปในน้ำก้นฝายที่มีน้ำไหลแรงเชี่ยวกราก และร่างได้ถูกกระแสน้ำพัดลงน้ำห้วยที่มีจอกหูหนูสะสมทับซ้อนกันสูงกล่าว 5 เมตร
เกิดเหตุตั้งแต่เย็นวันที่ 10 ก.ย.โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ นายสนิท ขาวสอาด นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ รอง ผวจ.ด้วยความเป็นห่วงใจ จึงสั่งการระดมหน่วยกู้ภัยต่างๆ ในจังหวัดบึงกาฬ ทางภาคราชการและภาคเอกชน เร่งค้นหาร่างผู้สูญหายให้พบ แต่เวลาผ่านไปกว่า 7 วันแล้วก็ยังไม่มีวี่แววจะพบร่าง
ด้านนางสวรรค์ อายุ 76 ปี เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าได้ชวนกันมายกยอหาปลาที่ฝายน้ำล้นพัฒนาชนบทห้วยกำแพงของหน่วยเร่งรัดพัฒนาชนบท หรือ รพช.เดิม ขณะยกยอ หรือภาษาอีสานเรียกว่า”ยกสะดุ้ง”
อยู่นั้น จู่ๆ นางถาวร ก็เดินลงไปในน้ำใต้เขื่อนฝายน้ำล้นที่น้ำกำลังไหลแรง ไม่พูดจาอะไรเหมือนมีคนชวนให้เดินตามไปตนเองก็ร้องเรียกว่าอย่าลงไป ลงไปทำไมมันอันตรายแกก็ไม่ฟัง
แล้วน้ำก็ได้พัดผู้สูญหายลงไปใต้จอกแหนซึ่งหนากว่า 5 เมตรความลึกของน้ำ 3 เมตร จมหายไปต่อหน้าต่อตาหลายคนที่หาปลาอยู่ใกล้ๆ ก็ช่วยไม่ทัน และไม่รู้จะช่วยกันยังไงเนื่องจากน้ำไหลแรงมาก
ส่วนนายบุญเพ็ง อายุ 56 ปี สามีของนางถาวร ผู้สูญหายเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าช่วงเช้าของวันเกิดเหตุปกติภรรยาก็ออกไปหาปลาเช่นนี้ทุกวันจะกลับมาช่วงเที่ยง แต่วันนี้ผิดสังเกตจะค่ำแล้วยังไม่กลับบ้านจนกระทั่งมีคนโทรมาบอกว่าภรรยาของตนจมน้ำหายไป
ก่อนเกิดเหตุร้าย 1 วันได้ฝันว่าได้เมียสาวประเภทสองอีกคนขณะที่มีเพศสัมพันธ์กันมีกลิ่นเหม็นคาวจนอ๊วกแตก พอคืนถัดมาฟันว่ามีเครื่องบินมาจอดหน้าบ้านตนเอง แล้วนางถาวรภรรยาก็ได้วิ่งกระโดดขึ้นไปบนเครื่องบินหายลับไปกับตาไม่รู้ไปไหน
ส่วนรางบอกเหตุหรือรางสังหรณ์ผู้สูญหายได้พูดเป็นนัยๆ ว่าสงสัยจะไม่ได้ใช้เงินล้านด้วยแล้ว ตนก็ถามไปว่าทำไมล่ะ “กูสิหอบเงินหนี” ภรรยาตอบมาแบบนี้
ซึ่งความเป็นจริงพวกตนกำลังรอการโอนเงินเข้าบัญชี 5-6 ล้านบาทจากกรมชลประทานที่จะมาสร้างสำนักงานชลประทานจังหวัดบึงกาฬ ซึ่งเป็นค่าเวนคืนที่ดินบนที่สวนยางที่อยู่ริมแม่น้ำโขง