
เจ้าของร้านพระเครื่องแห่งหนึ่งย่านโลตัสคำเที่ยง อ.เมืองเชียงใหม่ นำคลิปภาพจากกล้องวงจรปิด โพสต์ลงในโซเชียล ขอชาวเน็ตช่วยแจ้งเบาะแสตามตัวลูกค้าหนุ่มเสื้อลาย อายุประมาณ 20 ปี ที่ก่อเกิดเหตุแบบไม่เกรงใจ หยิบหมวกกันน็อคราคาแพงที่วางหน้าร้านติดมือกลับไปหน้าตาเฉย
นายก้อย อายุ 34 ปี เจ้าของร้าน บอกว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 17.38 น. วันที่ 19 มิ.ย. ชายวัยรุ่นสวมเสื้อลาย ได้เข้ามาที่ร้านนำพระเครื่องที่อ้างว่าเป็นพระกรุเก่าเก่ามาขายให้
เมื่อตรวจสอบพบว่าไม่ใช่พระแท้ แต่เป็นพระเครื่องที่อยู่ในกองตลาด แทบไม่มีราคา แต่ชายดังกล่าวอ้างว่าตกงาน ไม่มีเงินกินข้าว ด้วยความเห็นใจ จึงรับพระเครื่องที่ชายคนดังกล่าวนำมาขายไว้ เพื่อช่วยเหลือให้เงินไปกินข้าว 200 บาท พร้อมบอกด้วยว่าหากอยากได้คืนก็สามารถมาซื้อคืนได้
หลังจากได้เงินไปทางชายหนุ่มคนดังกล่าวก็ได้ยกมือไหว้ร่ำลา ก่อนจะเปิดประตูออกจากร้าน โดยระหว่างนั้นตนก็ไม่ทันได้ระวังตัวและไม่ทันสังเกต เพราะไม่คิดว่าจะมีภัย
ปรากฏว่าชายคนดังกล่าวได้หยิบหมวกกันน็อคที่วางไว้หน้าร้านติดมือไปด้วย โดยที่ตนก็ยังไม่รู้ตัวจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้าน ถัดไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง จึงรู้ว่าหมวกกันน็อคหายไป และมาตรวจกล้องวงจรปิดก็พบว่าชายคนดังกล่าวขโมยไป
นายก้อย บอกว่า ไม่คิดว่าชายคนดังกล่าวจะกล้าก่อเหตุ ทั้งที่เพิ่งทำบุญช่วยเหลือไป แต่กลับต้องมาเจอเหตุการณ์เช่นนี้ โดยหมวกกันน็อคที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นยี่ห้อ SHOEI ราคา 25,000 บาท
หลังจากทราบเรื่อง ตนเองได้ประกาศติดตามหาในโซเชียล และเพจต่างๆ รวมทั้งแจ้งพรรคพวกกลุ่มบิ๊กไบค์ที่รู้จักกัน จนกระทั่งไม่นานก็ทราบจากพลเมืองดีที่เปิดร้านซึ่งรู้จักกัน แจ้งมาว่ามีคนนำหมวกกันน็อคมาติดต่อขายที่ร้าน โดยไม่ทราบรุ่นและยี่ห้อ
โดยทางชายคนดังกล่าวที่เอาไปนั้นคงไม่ทราบว่าหมวกกันน็อคดังกล่าวมีมูลค่า และได้เสนอขายกับทางร้านเพียงราคา 300 บาท ซึ่งทำให้ทางร้านผิดสังเกตและคาดว่าเป็นหมวกที่ถูกขโมยมา จึงได้รีบรับไว้
พร้อมทั้งขอสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อของชายคนดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน จนทำให้ทราบตัวในที่สุด
นายก้อย กล่าวว่า ตอนนี้ทราบตัวชายคนก่อเหตุและมีหลักฐานพร้อมที่จะดำเนินคดี แต่เบื้องต้นตัดสินใจยังไม่แจ้งความ แต่จะเรียกตัวมาว่ากล่าวตักเตือน และอาจจะพิจารณาไม่เอาความหากเจ้าตัวสำนึกผิด เนื่องจากไม่อยากให้ชายคนดังกล่าวเสียอนาคต แต่หากพบว่ามีพฤติกรรมที่ไม่ดี ก็จะต้องส่งตัวให้กับตำรวจเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป