
วันที่ 4 พ.ค.64) ร.ต.อ.พิเชฐ อิงชัยภูมิ ร้อยเวร สอบสวน สภ.บ้านฉางรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสยามรวมใจ จุดบ้านฉาง ว่าพบศพชายเสียชีวิตอยู่ในบ้านร้างภายในซอย รวมใจพัฒนา ท้องที่หมู่ที่ 1 ต.สำนักท้อน อ.บ้านฉาง จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบทันที
เบื้องต้นทราบจากมูลนิธิฯว่าได้รับแจ้งจากศูนย์สั่งการ 1669 ให้มารับผู้ป่วยมีอาการชักเกร็งเพื่อรีบนำส่งโรงพยาบาล ต่อมาเมื่อถึงที่เกิดเหตุก็พบว่ากลายเป็นศพนอนตายอยู่ภายในสภาพคว่ำหน้า ตัวเริ่มแข็งจึงประสานร้อยเวร และแพทย์เวรโรงพยาบาลบ้านฉางให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ด้านนางยุพา จึงสกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่1 ต.สำนักท้อน เปิดเผยว่าเมื่อช่วงเวลา 7 โมง ก่อนที่กู้ภัยจะพบว่ากลายเป็นศพ มีผู้แจ้งว่า มีคนชักกระตุกอยู่ในที่เกิดเหตุจึงประสานไปที่ศูนย์ 1669 ให้ดำเนินการช่วยเหลือต่อมาไม่นานจึงทราบว่าตายแล้วจึงรีบมาดูในที่เกิดเหตุ
ซึ่งบอกว่าชายที่ตายเป็นคนพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ได้เดินทางมาของานทำกับเพื่อนที่เคยดื่มเหล้าด้วยกัน ซึ่งบ้านที่เข้าไปตายนั้นเป็นบ้านไม่มีเลขที่และไม่มีคนอยู่มานานแล้ว ผู้ตายจึงจับจองเป็นที่พักหลับนอนมาได้ประมาณ สองอาทิตย์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะตายในเวลาต่อมา
ส่วนนายลำดวน 48 ปีเพื่อนของชายพเนจรรายนี้เล่าว่า ก่อนที่นายดำหรือผู้ตาย ได้หายตัวไปนานพร้อมทั้งระบุว่าถูกกักตัวอยู่ที่สนามฟุตบอลเทศบาล 14 วัน ก่อนที่จะมาของานตนทำ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็มีอาการชักเกร็งก่อนที่จะไปบอกผู้ใหญ่บ้านให้เอาไปโรงพยาบาลต่อมาก็สิ้นใจตายคาบ้านหลังดังกล่าว
ด้านแพทย์เวรโรงพยาบาลบ้านฉาง และกู้ภัยต้อง ที่เข้าไปยังในที่เกิดเหตุ ท่ามกลางการระมัดระวังต่อโรคระบาดอย่างเข้มงวดทั้งการฉีดพ่นล้างร่างกายด้วยสเปย์แอลกอฮอล์ และการสวมใส่ชุดป้องกัน PPE อย่างรัดกุม
ในการเข้าไปตรวจสอบจนพบบัตรประจำตัวผู้ป่วยโรงพยาบาล รพ.สต.ต.สำนักท้อนระบุชื่อนายอำนวย วงศ์คำภา อายุ 52 ปี ก่อนนำร่างของผู้เสียชีวิตออกมาจากในจุดพบศพ
พร้องทั้งต้องตรวจสอบประวัติผู้ตายย้อนหลังตามระเบียบเพราะจากการสอบสวนในที่เกิดเหตุว่าผู้ตายถูกกักตัวที่สนามกีฬาเพราะว่าไม่ใช่สถานที่กักตัวของรัฐตามที่เพื่อนผู้ตายระบุแต่อย่างใดอาจจะเร่ร่อนพเนจรไปมาหลายที่ก่อนที่จะกลายเป็นศพในที่สุด