
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและเกิดฟ้าผ่าฝูงวัวตาย จำนวน 11 ตัว ในพื้นที่บ้านดงครั่งน้อย ตำบลดงครั่งน้อย อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด จึงออกตรวจสอบพร้อมผู้นำชุมชน
ถึงจุดเกิดเหตุเป็นทุ่งนาทางทิศเหนือของหมู่บ้านบ้านดงครั่งน้อย พบวัวล้มตายจำนวนทั้งสิ้น 11 ตัว ใกล้คันคูนาที่ปลูกต้นยูคาลิปตัส จากการตรวจสอบพบเป็นวัวเพศผู้ 1 ตัว เพศเมีย 10 ตัว เบื้องต้นทราบชื่อเจ้าของวัวคือนางสถิต เหลาเกิ้มหุ่ง อายุ 47 ปี ชาวบ้าน บ.ดงครั่งน้อย ต.ดงครั่งน้อย อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด
จากการสอบถามนางสถิต เล่าว่าก่อนเกิดเหตุในช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและมีฟ้าผ่าเป็นระยะ ซึ่งในขณะนั้นตนก็พักอยู่ภายในบ้านพัก ก็พบว่ามีฝนตกไม่แรงมากนัก แต่มีฟ้าคะนอง ฟ้าผ่าเสียงดัง
หลังจากฝนหยุดตกในช่วงเวลา 15.00 น. ตนจึงได้เดินไปทุ่งนาเพื่อจะเอาวัวกลับเข้าคอก แต่เมื่อไปถึงทุ่งนาก็พบวัวล้มตายระเนระนาด ข้างคันคูนาที่ปลูกต้นยูคาลิปตัส
ซึ่งจากการตรวจสอบพบวัวตายทั้ง 11 ตัว ซึ่งเป็นวัวของตน 8 ตัว ซึ่งมีวัวแม่พันธุ์ 4 ตัว วัวตัวเมียอายุ 2 ปีอีก 2 ตัว ลูกวัวอายุ 6 เดือน 1 ตัว และวัวพ่อพันธุ์อีก 1 ตัว มูลค่าประมาณ 160,000 บาท และเป็นวัวของเพื่อนบ้านที่เลี้ยงอยู่ด้วยกันเป็นตัวเมียอีก 3 ตัว
หลังจากนั้นตนจึงได้นำซากวัวกลับเข้าหมู่บ้าน เพื่อทำการแจกจ่ายให้ชาวบ้านนำไปประกอบอาหารต่อไป
ตนก็อยากฝากเตือนภัยในช่วงนี้มีพายุฤดูร้อน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองและมีฟ้าผ่าในบางพื้นที่ ก็อยากแนะนำให้รีบนำวัวกลับเข้าคอก เพื่อป้องกันเหตุฟ้าผ่าที่ไม่สามารถคาดคะเนได้ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงไหน
ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียวัวไปทั้งหมด หลังจากนี้ตนก็คงจะต้องทำนาขายข้าวเก็บเงินไปซื้อวัวตัวใหม่มาเลี้ยงต่อไป