
จากกรณี นายพีรพัฒน์ อายุ 19 ปี กับกลุ่มเพื่อนมาบ้านพักวิลล่า ใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ร่วมปาร์ตี้ แล้วมีเรื่องทะเลาะกันในกลุ่มที่มาร่วมงานจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ก่อนคู่กรณีจะโทรศัพท์เรียกเพื่อนอีกกลุ่มให้นำปืนมาให้ แล้วยิงใส่ นายพีรพัฒน์ จนเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันลงมือก่อเหตุได้ 2ราย คือ 1.นายสินชัย อายุ 20 ปี ผู้ต้องหา 2.นายอมรินทร์ อายุ 20 ปี ส่วนผู้ต้องหา รายที่ 3 คือนายเอ็ม อายุ 31 ปี หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป เจ้าหน้าที่จึงออกหมายจับ เหตุเกิดพื้นที่ สภ.ชะอำ เมื่อช่วง 02.30 วันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมาตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 24 มีนาคม 2563 นายอิทธิพล (นายเอ็ม) อายุ 31ปี อยู่บ้านหมู่ 6 ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ผู้ต้องหาที่ 3 ได้ติดต่อขอเข้ามอบตัวกับ พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พ.ต.อ.ปัญญา กุลไทย ผกก.สภ.ชะอำ รอง ผกก.ป. ผกก.สืบสวน สวป.สภชะอำ และร้อยเวรสอบสวน สภ.ชะอำ ที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ
โดยเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายอิทธิพล (นายเอ็ม) ไปชี้จุดของกลางอาวุธปืน ขนาด.38 ใช้ในการก่อเหตุ ที่ทิ้งอยู่ในพงหญ้าข้างทาง บริเวณถนนสายบายพาสชะอำ –ปราณบุรี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี แต่ไม่พบของกลาง ก่อนนำตัวมาสอบสวนพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับศาลจังหวัดเพชรบุรี ใน 4ข้อหาหนัก
พลตำรวจตรีอุทัย กวินเดชาธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า คดีนี้ ผู้ต้องหาคนที่ 3 ที่หลบหนีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ถูกออกหมายจับไปแล้ว วันนี้ผู้ต้องหาได้ติดต่อเข้าขอมอบตัวที่สถานีตำรวจภูธรชะอำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่ซ่อนอาวุธปืนของกลาง และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการหลบหนีหลังก่อเหตุ
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าไม่ได้ตั้งใจยิงผู้เสียชีวิต ตอนเกิดเหตุได้ชักอาวุธปืนออกมายิงไม่มีทิศทาง จนกระสุนพลาดไปโดนผู้เสียชีวิตจนล้มลง จากนั้นผู้ต้องหาได้ ขี่รถจักรยานยนต์ PCX สีแดง จ.เพชรบุรีหลบหนีไป หลังก่อเหตุเห็นออกข่าวจึงกลัวความผิดจึงติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา 1.นายอิทธิพล (เอ็ม)อายุ 31 ปี 2.นายสินชัย อายุ 20 ปี และ3.นายอมรินทร์ อายุ20ปี ผู้ต้องหาทั้ง 3ราย /ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา /ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา /ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
/ร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในทางเมือง ทางสาธารณะ หมู่บ้าน โดยไม่ได้รับอนุญาต และยิงปืนโดยไม่ใช่เหตุในหมู่บ้านชุมชน หรือที่สาธารณะ รวม 4 ข้อหาหนัก ก่อนนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป