
วันที่ 16 ม.ค.2564 พ.ต.ต.สุรัตน์ ศรีวงษา พนักงานสอบสวน สภ.สวาย ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งเหตุ ว่ามีเหตุฆ่ากันตายที่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านโคกตาเกิด คุ้มโคกโชค ต.สวาย อ.เมือง จ.สุรินทร์
จึงได้รายงานให้ พ.ต.อ.จิตรกร ชาวนา ผกก.สภ.สวาย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน สภ.เมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยสุรินทร์ รุดออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบว่า เป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบผู้เสียชีวิตจำนวนสองราย นอนเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้าน ทราบชื่อคือ นายนี อายุ 62 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด และนางเงิน อายุ 72 ปี นอนตะแคงคว่ำหน้าจมกองเลือดเช่นกัน อยู่บริเวณหน้าบ้าน
โดยสภาพศพทั้ง 2 คน มีบาดแผลถูกฟันด้วยมีดอีโต้ บริเวณศีรษะและท้ายทอยหลายแผล แต่ละแผลยาวกว่า 10 เซนติเมตร บาดแผลฉกรรจ์ เหวอะหวะ น่าสยดสยอง
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุคือนายตะ อายุ 51 ปี ซึ่งเป็นหลานของนายนี อยู่ยั่งยืน ศักดิ์เป็นลุง ผู้ตายและอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวร่วมกับผู้เสียชีวิตด้วย
ส่วนนางเงิน อยู่บ้านบริเวณใกล้กัน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวไว้ได้ ขณะที่นายตะ กำลังเดินถือมีดอีโต้ไปตามถนนเจ้าหน้าที่ตำรวจพบจึงได้เข้าควบคุมตัวไว้ได้
จากการสอบสวนมูลเหตุจูงใจของการฆ่าโหดในครั้งนี้ นายตะ ผู้ก่อเหตุ ได้นั่งกินเหล้ากับตายายและได้ทวงเงินค่ามันที่ตนเองขายให้นางเงินไป แต่นางเงินไม่ให้
จึงได้เดินไปหยิบมีดอีโต้เข้ามาฟันที่ท้ายทอยของลุงก่อนแล้วหันมาฟันไปที่นางเงินกว่า 3 แผลทั้งสองเสียชีวิตคาที่ก่อนนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาต่อไป
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานจึงได้รวบรวมเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุพร้อมกับนำศพผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดสุรินทร์ ก่อนมอบให้ญาตินำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เผยว่า นายตะ ผู้ก่อเหตุ เป็นคนสติไม่ดี ส่วนนายนี อยู่ยั่งยืน เป็นลุงชอบกินเหล้าเมาแล้วด่านายตะ จนทะเลาะกันบ่อยครั้ง เป็นแบบนี้มานานมาก
ส่วนนางเงิน คือคนข้างบ้านมากินเหล้ากับนายนี โดยนายตะ ได้กลับมาจากขุดปูแล้ว เจอลุงกับยายเงินกินเหล้ากัน นายตะ จึงได้เข้าไปร่วมวงและทวงเงินจากนางเงินจนได้เกิดการทะเลาะกันขึ้น
ชาวบ้านบอกว่านายตะ นั้น เป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร ถ้าไม่โกรธจะอยู่ตามประสาคนเดียวหาปูหาปลาและผักขายเลี้ยงชีพตนเองอีกด้วย