
ความคืบหน้าโรคหอยคันระบาดในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ทำให้ชาวบ้านที่ทำนาเป็นผืนคันและตุ่มขึ้นตามขาและแขนที่แช่ในน้ำขณะดำนาในพื้นที่ 7 ตำบล จำนวน 233 คน
สาเหตุมาจากตัวอ่อนพยาธิใบไม้ในเลือดชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ในตัวหอยคัน และแพร่กระจายอยู่ในน้ำในนาข้าว ไชเข้าไปสู่ผิวหนังและตายทำ-ให้เกิดผื่นและอาการคัน
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปสอบถามชาวบ้านที่เคยเป็นโรคหอยคัน โดยเป็นชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 8 บ้านศาลาน้ำ ต.คลองเปียะ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ตำบล ของ อ.จะนะ ที่พบการแพร่ระบาดของโรคหอยคัน
โดย นางอาภรณ์ อายุ 53 ปี เปิดเผยว่า ตนเองทำนามานานกว่า 30 ปี แล้ว และไม่เคยเกิดอาการแพ้ หรือเป็นผดผื่นคันอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อน โดยในปีนี้ได้เริ่มดำนาในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พื้นที่ประมาณ 1 ไร่ครึ่ง และใช้เวลาดำนา 2 วัน
และหลังจากดำนาราววันที่ 3-4 ก็ได้เริ่มเกิดเป็นผื่นขึ้นตามตัว และมีอาการคันแบบรุนแรง โดยเฉพาะที่แขนขวา ส่วนแขนซ้ายเล็กน้อย และที่ขาทั้ง 2 ข้าง จนเกือบถึงหัวเข่า ซึ่งเป็นบริเวณที่โดนน้ำในนาข้าวทั้งหมดและทีแรกคิดว่า อาจจะเกิดจากน้ำเสีย
จากนั้นจึงเดินทางไปหาหมอใกล้บ้าน และได้ยามารักษาอาการ ทั้งยาฆ่าเชื้อ ยาแก้แพ้ และ ยาทาแก้อาการผดผื่นคัน กระทั่งผ่านไปราว 3 สัปดาห์ จึงหายกลับมาเป็นปกติ และแทบไม่เห็นร่อยรอยของบาดแผลที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้บนแปลงนาบริเวณดังกล่าว ซึ่งมีอยู่กว่า 15 ไร่ ก็ได้มีชาวนาเป็นโรคลักษณะเดียวกันนี้อีกเกือบ 20 คน ซึ่งเป็นทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และชาวบ้านต่างตำบลที่เดินทางมารับจ้างดำนา ซึ่งมีอาการเดียวกันหมด
ด้าน นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ กล่าวว่า พื้นที่ทั้ง 7 ตำบล ใน อ.จะนะ ที่เกิดการแพร่ระบาดของหอยคันซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของโรคนี้ในตอนนี้ยังไม่มี แต่มีวิธีป้องกันตัวในเบื้องต้น เพื่อเป็นการป้องกันเอาไว้ก่อนคือ
ชาวนาจะต้องหาทางให้ร่างกายโดนน้ำ หรือสัมผัสกับน้ำในนาให้น้อยที่สุด เช่น สวมรองเท้าบูท ซึ่งค่อนข้างยากลำบาก และทุลักทุเล เมื่อต้องทำนา ซึ่งหลังจากนี้จะต้องมีการร่วมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวนาต่อไป