
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2563 เกิดเหตุระทึก ต้นสบันงาอายุกว่าร้อยปี สูงกว่า 20 เมตร ริมถนนบริเวณหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เกิดหักโค่นล้มทับรถสี่ล้อแดงยี่ห้ออีซูสุ ที่จอดอยู่ริมถนนจนหลังคายุบเสียหาย
ขณะเกิดเหตุมีกลุ่มนักท่องเที่ยวนั่งอยู่ด้านหลังรถ 4 คน หนึ่งในนั้นเป็นนักท่องเที่ยวชาย ได้รับบาดเจ็บถูกหลังคากดทับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านเร่งช่วยเหลือพาออกจากซากรถ นำส่งโรงพยาบาล ส่วนเพื่อนนักท่องเที่ยวที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อยแต่อยู่ในอาการตื่นตกใจ
นอกจากรถสี่ล้อแดง ยังมีรถยนต์ได้รับความเสียหายอีกสองคัน เป็นรถยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เป็นรถของนักท่องเที่ยวที่จอดด้านหลังรถสี่ล้อแดง เสียหายหลังคายุบ และ รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูสุ สีขาว ซึ่งเป็นรถของวัดถูกทับเสียหายจนยุบไปเกือบครึ่งคัน
ด้านนางอุดมรัตน์ นักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุ เล่าเหตุการณ์ว่าเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครมาเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่กันหลายคน ได้เหมารถสี่ล้อแดงคันดังกล่าวไปเที่ยวบนดอยปุย ขากลับตั้งใจแวะกราบสักการะองค์พระธาตุดอยสุเทพ
แต่เนื่องจากเดินเที่ยวมามาก ทำให้เหนื่อย เมื่อรถมาจอดหน้าวัดพระธาตุดอยสุเทพจึงนั่งพักในรถ เมื่อหายเหนื่อยจะขึ้นไปบนวัด แต่ปรากฏว่าระหว่างนั่งพักเหนื่อย จู่ๆได้ยินเสียงดังโครมพร้อมกับแรงกระแทกอย่างแรง วินาทีแรกนึกว่ารถถูกชน แต่พอตั้งสติได้ก็พบว่าต้นไม้ล้มทับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นายกฤษณภัทร อายุ 58 ปี ที่นั่งในรถด้วยกันถูกหลังคากระแทก บาดเจ็บบริเวณหลัง แต่ถือว่ายังโชคดีที่ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงชีวิต
ขณะที่นายประเทือง คนขับรถสี่ล้อแดง เล่าว่า หลังนำรถมาจอดไว้ริมทาง ตนเองได้เดินออกจากรถไปคุยกับเพื่อนสี่ล้อแดง ห่างไปประมาณ 50 เมตร ปรากฏว่าระหว่างคุยกันต้นไม้ก็ล้มลงมาเสียงดังสนั่น จึงรีบวิ่งไปช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
ด้านนายขจร ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้านดอยสุเทพ กล่าวว่า ต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นไม้เก่าแก่ อายุราวหนึ่งร้อยปี สาเหตุที่โค่นล้มคาดว่าจะมาจากดินที่อ่อนตัวจากฝนตกหนักสะสมในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับต้นไม้ดังกล่าวไม่มีรากแก้ว เมื่อดินอ่อนตัวจึงยึดเกาะได้ไม่ดีและโค่นล้มลงมา
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเกิดเหตุต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มลงมาบ่อยครั้งด้วยสาเหตุเดียวกัน หลังจากนี้จะทำเรื่องขออนุญาตไปที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ขอตัดแต่งต้นไม้ใหญ่ในจุดเสี่ยง โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ใกล้กับร้านค้า ลานจอดรถ และ จุดที่มีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก