
เมื่อวันที่ 22 ก.ย.63 ที่ผ่านมา พ.ต.ท.แสวง สวัสดิ์นที สว.สอบสวน สภ.เชียงใหม่ จ.ร้อยเอ็ด ได้รับแจ้งเหตุคนถูกทำร้ายร่างกายมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส บนถนนในหมู่บ้าน บ.หนองหูลิง ต.เชียงใหม่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพ ทต.เชียงใหม่
ถึงจุดเกิดเหตุเป็นถนนภายในหมู่บ้าน พบผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิงทราบชื่อคือนางอนงค์ อายุ 49 ปี (ภรรยา) ตรวจสอบพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ ลึกประมาณ 5 นิ้วยาวประมาณ 1 นิ้ว เลือดไหลกองเต็มถนน นอนหายใจรวยริน หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ใกล้กันพบสามีทราบชื่อคือนายมานพ อายุ 42 ปี (ผู้ก่อเหตุ) ซึ่งเป็นสามีของผู้บาดเจ็บ
ตรวจสอบพบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณใต้ลิ้นปี่ 1 แผลและใต้กระดูกชายโครง 2 แผล รวม 3 แผล น ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าหน้าที่จึงเร่งให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเล่นเคลื่อนย้ายนำส่งลูกพยาบาลผู้ช่วยก่อนจึงนำส่งโรงพยาบาลร้อยเอ็ดในเวลาต่อมา
สอบถามนางกบ อายุ 46 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ ในระหว่างที่ตนนั่งอยู่หน้าบ้าน ได้เห็นคนร้องให้คนช่วยว่ามีเหตุทำร้ายกัน ตนจึงออกมาดูก็พบว่าสามีได้นั่งคร่อมบนร่างภรรยา บริเวณหน้าบ้านของพี่สาวที่อยู่ห่างกันประมาณ 10 เมตร โดยผู้ก่อเหตุได้ใช้มีดปลายแหลม ยาวประมาณ 1.5 ฟุต แทงบริเวณหน้าท้องของผู้บาดเจ็บ ก่อนที่ผู้บาดเจ็บจะวิ่งหนีตายมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จนมาล้มลงห่างจากจุดประมาณ 100 เมตร
โดยผู้ก่อเหตุได้วิ่งตามมาและใช้มีดแทงหน้าท้องตัวเอง หวังจะฆ่าตัวตายตาม จนได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 2 ราย ตนจึงเร่งประสานเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
สอบถามที่ นายวิญญา บิลพรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 บ.หนองหูลิง เล่าว่าก่อนหน้านี้ตนก็ได้รับแจ้งว่าสามีภรรยาคู่นี้จะก่อเหตุทะเลาเบาะแว้งอยู่เป็นประจำ จนเพื่อนบ้านระอา โดยสามีจะใช้สารเสพติดเมาเหล้าเป็นประจำก่อนจะลงมือทุบตีเมีย
โดยล่าสุดเมื่อประมาณ 10 วันที่แล้ว ตนได้มาทำสัญญาให้สามีภรรยาคู่นี้ เพื่อขอแยกทาง โดยภรรยาได้แบ่งสินสมรสให้เงินจำนวน 20,000 บาทเพื่อให้สามีแยกทางโดยและสัญญาว่าจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก แต่ก็กลับมาก่อเหตุในครั้งนี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อเก็บหลักฐานและสอบสวนพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ก่อนอายัดตัวผู้ก่อเหตุที่ได้รับบาดเจ็บ โดยตำรวจตั้งปมเป็นเรื่องความขัดแย้งส่วนตัวเนื่องจากผู้ก่อเหตุเพิ่งเลิกลากัน แต่พยายามจะมาขอคืนดี หลังจากนี้จะเรียกตัวผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป