จากเหตุการณ์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ส.ค. 63 ที่ผ่านมา เมื่อเด็กหญิง บี (นามสมมุติ) วัย 11ขวบ ลูกสาวของนายสัญญา อายุ 35 ปี ชาวบ้านหนองหญ้าปล้อง ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ถูกนายประทาน อายุ 50 ปี ชาวบ้าน ต.หนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ เพื่อนของพ่อได้ลวงให้ซ้อนท้ายจักรยาน 2 ล้อ ปั่นไปซื้อโทรศัพท์มือถือ ก่อนพาเด็กออกนอกหมู่บ้านพาไปข่มขืนยังวัดร้างกลางป่าช้าท้ายหมู่บ้าน
และใช้กำลังบังคับข่มขืนต่อหน้าพระประธานวัด เมื่อเด็กดิ้นข่มขืนยังได้ใช้มือบีบคอเด็ก เท่านั้นยังไม่หนำใจยังบังคับให้เหยื่อกินเหล้าขาวและกินยาบ้าและใช้มีดจี้พาเหยื่อไปขืนใจต่อที่กระท่อมนาชายเขา
จนกระทั่งค่ำญาติรู้ว่าเด็กหายตัวไปจากหมู่บ้านจึงเร่งช่วยกันค้นหาหวั่นซ้ำรอยคดีน้องชมพู่ จนกระทั่งเวลา 21.00 น. จนท.พบเด็กหญิงเคราะห์ร้ายปั่นจักรยาน 2 ล้อ ฝ่าความมืดมาตามถนนเข้าหมู่บ้านด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงเนื้อตัวมอมแมมและอิดโรย
เมื่อเห็น จนท.ถึงกับโผกอดด้วยอาการตัวสั่นเทา ก่อนที่ จนท.จะนำตัวเด็กหญิงเคราะห์ร้ายไปสงบสติและปลอบประโลมให้หายหวาดกลัว จากนั้นได้รีบนำตัวเหยื่อไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลแก้งคร้อและจากการตรวจร่างกายเบื้องต้นพบว่ามีร่องรอยถูกข่มขื่น
ล่าสุดวันที่ 19 ส.ค. 63 ตำรวจชุดไล่ล่าได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านทราบว่านายอ้วนได้หลบหนีขึ้นไปอยู่บนภูผาแดง ซึ่งตำรวจชุดจับกุมเข้ารวบตัวไอ้อ้วนได้และนำตัวไอ้อ้วนลงจากภูผาแดงท่ามกลางประชาชนในพื้นที่ทราบข่ าวว่าจับตัวไอ้อ้วนได้แล้ว เตรียมตั้งแถวรอประชาทัณฑ์กว่า 100 คน ตำรวจต้องกันชาวบ้านคุมตัวไอ้อ้วนขึ้นรถออกจากพื้นที่ด้วยความยากลำบากกว่าจะฝ่าประชาชนออกจากพื้นที่ได้
ในเบื้องต้นถูกตั้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งไม่ใช่ภรรยาของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ และโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ ไม่สามารถขัดขืนได้ , พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปเพื่อการอนาจาร และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเพื่ออนาจาร ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
