วันที่ 5 ส.ค.63 นายวิมล เกิดเขาทะลุ กำนัน ต.นาสัก อ.สวี จชุมพร และ นางสุจิตรา อุสิทธิ์ นายก อบต.นาสัก เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น.รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนจมน้ำหายไปในคลองใจกลางหมู่บ้าน พร้อมด้วยชาวบ้าน และ หน่วยกู้ภัยหลังสวน หน่วยกู้ภัยชุมพรการกุศลสงเคราะห์ นักประดาน้ำชุมพร อุปกรณ์ดำน้ำ ชาวบ้านจำนวนหนึ่ง ตำรวจสายตรวจประจำตำบลนาสัก รุดที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุ หมู่ที่ 13 ต.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร บริเวณฝายกั้นน้ำ “คลองโตน” ลำน้ำขนาดใหญ่ของ อ.สวี พบว่า มีน้ำป่ากำลังไหลหลากลงมายังฝายดังกล่าวจำนวนมาก ท่ามกลางฝนตกอย่างหนัก น้ำป่าทะลักลงมาจากภูเขาทะลุด้วยความเร็วและแรงมากทำให้บริเวณฝายกั้นน้ำเกิดน้ำหมุนเป็นเกลียวลงสู่ก้นแม่น้ำ เสียงดังอย่างน่ากลัว
พบว่ามีชาวบ้านและญาติพี่น้องเพื่อนๆ ของผู้ที่จมน้ำ เฝ้ารอดูการช่วยเหลือผู้ที่จมน้ำ ทราบชื่อว่า นายทรงยศ อายุ 29 ปี บ้านหมู่ที่ 6 ต.บ้านตุม อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี อาชีพรับจ้างทำทุเรียนในแผงทุเรียน
สอบถาม นายสันติ อายุ 30 ปี บ้านหมู่ที่6 ต.นาตุม อ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี เพื่อนของผู้ตาย ได้การว่า “ในช่วงเวลา 16.00 น.ของวันที่ 4 สค. หลังจากเลิกงานได้ชักชวนนายทรงยศ ไปตกปลากันที่ ฝายกั้นน้ำ คลองโตน
โดยได้เดินลงไปกลางสันฝาย แล้วกระโดดลงไปในคลองโตน ท่ามกลางฝนตกในขณะนั้นน้ำไม่เชี่ยวมาก แต่เมื่อฝนตกหนักมาก จึงได้ชักชวนกันจะกลับบ้าน ได้มีน้ำป่าไหลลงมาอย่างมาก ทำให้น้ำที่ไหลผ่านฝายกั้นน้ำ มีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และไหลเร็วแรงมาก ทำให้เกิดน้ำหมุนวน
ทั้งนายสมตนและ นายทรงยศ โดนน้ำวนดูด นายทรงยศโดนดูดเข้าจุดกลางน้ำวนพยายามส่งเสียงร้องให้ช่วย นายสมตนก็โดนน้ำวนดูดเช่นเดียวกัน แต่เพื่อนที่อยู่ด้วยอีกคนได้พยายามช่วยจนหลุดออกมาจากน้ำวนได้
ส่วนนายทรงยศไม่สามารถหลุดออกมาจากน้ำวนได้ถูกน้ำดูดจมหายไปต่อหน้าต่อตาจึงวิ่งไปบอกนางสุจิตรา นายก อบต.นาสัก และ นายวิม กำนัน ต.นาสักให้ตามคนมาช่วย ตั้งแต่ เวลา 17.00 น.และประสานงาน หน่วยกู้ภัยหลังสวน หน่วยกู้ภัยชุมพรฯ พร้อมนักประดาน้ำชุมพร มาทำการงม หาร่าง
เวลาผ่านไป ร่วม 5 ชม. ท่ามกลางฝนที่ยังตกลงมาอย่างหนัก นักประดาน้ำได้ เจอร่างของนายทรงยศใกล้กับตลิ่ง จึงช่วยกันนำศพขึ้นมา นำส่ง รพ.สวี เพื่อชันสูตรอีกครั้ง ท่ามกลางความโศกเศร้าของญาติและเพื่อนๆ และร่วมกันให้การต่อ พ.ต.ท.สมชาย บุญเกิด สวส. สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพรเพื่อดำเนินการต่อไป
สำหรับฝายน้ำล้นคลองโตน ปกติจะมีน้ำในลำคลองไม่มากนัก แต่ในช่วงนี้มีฝนตกติต่อกันนานกว่า 4 วัน ทำให้มีน้ำป่าไหลลงมาจากภูเขาสูงซึ่งไม่มีต้นไม้หรือป่าสมบูรณ์คอยสกัดน้ำป่า เนื่องจากโดนบุกรุกทำสวนทุเรียนกันแทบหมดแล้ว น้ำป่าจึงไหลลงสู่พื้นล่างอย่างรวดเร็ว
