
เมื่อคืนวันที่ 19 ก.ค.63 ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง โหมกระหน่ำในเขต อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชน รวมทั้งกุฏิพระวัดดังได้รับความเสียหายหลายกุฏิ จนทั้งพระและเณรต้องกระโดดออกจากกุฏิแทบไม่ทัน
อีกวัดดังต้นตะเคียนทองคู่อายุกว่าร้อยปี 2 ต้นใหญ่ ล้มแบบถอนรากถอนโคน นายกเทศมนตรีเทศบาลถอนสมอ รุดช่วยเหลือชาวบ้านพร้อมฝ่ายช่างของเทศบาลทันที และมอบถุงยังชีพเยียวยาเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
สามเณรปฏิภาณ ถอนรัมย์ สามเณรลูกวัดที่วัดพิกุลทอง ต.พิกุลทอง อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ได้เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งดูโน้ตบุ๊กอยู่บนกุฏิ สักพักก็มีพายุมา ลมแรงมาก และได้ยินเสียงเหมือนฟ้าผ่า
เมื่อเงยหน้ามองที่หลังคาเห็นต้นมะพร้าวหล่นมาทับหลังคาจนกระเบื้องพัง เพดานเป็นรู ด้วยความตกใจผมก็รีบวิ่งลงมาข้างล่าง นึกว่าฟ้าผ่า เห็นพระรูปอื่นวิ่งออกจากกุฏิกันอลหม่านและต่างตะโกนให้มาหลบที่กุฏิใหญ่ เพราะพายุแรงมาก
ส่วน พระละมัย พระลูกวัดของวัดเสมาทอง ต.ถอนสมอ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ได้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ที่วัดมีต้นตะเคียนทองคู่ สองต้นใหญ่ มีอายุหลายร้อยปี และมีศาลของเจ้าแม่ตะเคียนทองสองพี่น้องหลังใหญ่อยู่ด้านหน้าวัด
ขณะที่ฝนตก พายุพัดแรงพัดอยู่นั้น ตนมายืนดูด้านบนกุฏิใหญ่ เห็นลมพัดต้นตะเคียนทองคู่พัดเอนไปทางด้านซ้ายซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนอยู่ ตนยังกลัวว่าจะล้มทับบ้านคนเสียหายอยู่เลย แต่สักพักก็หันมาตั้งตรงและค่อยๆ เอนล้มไปด้านหน้าวัดซึ่งเป็นถนนขุดรากถอนโคนล้มทับศาลเจ้าแม่ตะเคียนทองคู่จนพัง
ด้าน น.ส.กลิ่นบุปผา ฉายชูวงษ์ เจ้าของบ้านเลขที่ 65/2 ม.5 ต.ถอนสมอ อ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี เล่าทั้งน้ำตาว่า ตนอยู่บนบ้านกับพี่สาว 2 คน สักพักก็รู้สึกว่าลมพายุพัดแรงมาก ฝนก็ตกหนัก และหลังคากระเบื้องก็ปลิวหลุดออกทีละแผ่นจนเกือบหมดทั้งหลัง
ตนกับพี่สาวก็รีบลงไปหลบใต้ถุนบ้าน ซักพักด้วยความห่วงของที่อยู่บนบ้านเลยเอาหมวกกันน็อคมาใส่เพื่อขึ้นมาเก็บของ ข้าวของเปียกฝนเสียหายเยอะมาก ห้องที่เป็นแผ่นไม้อัดก็โดนฝนจนร่อน
นายอุดร พาศิรายุธ นายกเทศบาลตำบลถอนสมอ ได้กล่าวว่า ตนและทีมเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลถอนสมอ ได้ออกทำการช่วยเหลือชาวบ้านตั้งแต่เมื่อวานประมาณทุ่มเศษจนถึงตี 1 พอถึงเช้าวันนี้ก็ยังคงดำเนินการต่อโดยการเยียวยาช่วยเหลือและซ่อมแซม เพื่อเรียกขวัญกำลังใจของผู้ประสบกับภัยพิบัติในครั้งนี้
ในด้านการช่วยเหลือได้ ประสานกับกองช่างและสำนักปลัดฯ เพื่อนำอุปกรณ์ เช่น กระเบื้อง ประตู และดำเนินการช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุด ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้น พบว่ามีบ้านเรือน สถานที่ราชการ ตลาด และวัด ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น ประมาณร่วม 100 หลังคาเรือน