แค่ติดมือจริงๆนะ! สาวใหญ่ทำเนียนลักโทรศัพท์ลุงพิการตาบอด อ้างแค่ติดมือไป

วันที่ 20 มิ.ย 2563 ที่ห้องสืบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ารภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นางมาลี  อายุ 54 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางวัน

หลังก่อเหตุลักโทรศัพท์ภายในร้านสะดวกซื้อ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งใน ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง  จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.63 เวลา 11.30 น.โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นหลักฐาน   

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.เวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่ ตร.สภ.บางบัวทองรับแจ้งเหตุจากนายศักดิ์ อายุ 66 ปี ชายพิการตาบอดทั้ง 2 ข้าง  และเด็กหญิงณัฐญา  อายุ 7 ปี ว่า โทรศัพท์มือถือที่ลืมไว้ภายในร้านสะดวกชื้อแห่งหนึ่งได้หายไปโดยคาดว่าน่าจะมีลูกค้าที่มาซื้อสินค้าลักไป

จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อติดตามตัวคนร้าย    จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในร้านสะดวกซื้อ พบว่าผู้เสียหายและหลานสาวกำลังยืนชำระเงินบริเวณด้านหน้าเคาท์เตอร์จ่ายเงิน โดยมีโทรศัพท์มือถือวางอยู่ที่เคาท์เตอร์

จากนั้นหลานสาวได้เลื่อนโทรศัพท์ลงไปวางที่ชั้นด้านล่างของเคาท์เตอร์และมาหยิบห่อขนม มีการพูดคุยกับผู้เสียหายขณะที่กำลังชำระเงิน จากนั้นทั้งสองได้เดินออกไปโดยไม่ได้หยิบโทรศัพท์

ต่อมากล้องสามารถจับภาพหญิงอายุประมาณกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ซึ่งเป็นลูกค้าถัดมา สวมเสื้อสีน้ำเงิน ลายดอก สวมผ้าถุง ผมสั้น มาพร้อมกับเด็กผู้ชาย 1 คน อายุประมาณ 6-7 ปี สวมเสื้อสีม่วง  เดินเข้าไปจ่ายค่าสินค้าต่อจากผู้เสียหาย ทำท่าทีหันมองไปทางประตูทางออกร้านสะดวกซื้อบ่อยครั้ง

ระหว่างที่ชำระเงินมือข้างซ้ายได้เลื่อนกระเป๋าเงินลงไปที่ชั้นล่างของเคาท์เตอร์ใช้กระเป๋าซ้อนบนโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปด้วย หลังชำระเงินเสร็จผู้ต้องหาพร้อมหลานชายได้ขับรถ จยย.ฟรีโน่ สีน้ำตาลดำ ขับออกไป   

จากการสอบถามนายศักดิ์ อายุ 66 ปี ชายพิการ ตาบอดทั้ง 2 ข้าง  และเด็กหญิงณัฐญา  หลานสาว ทราบว่าวันเกิดเหตุได้ไปจ่ายค่าอินเตอร์เน็ตโทรศัพท์มือถือที่ร้านสะดวกซื้อ พอกลับไปดูอีกครั้งโทรศัพท์ได้หายไปแล้ว จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหา    

จากการสอบสวน นางมาลี   อายุ 54 ปี ผู้ต้องหา  ให้การว่าในวันเกิดเหตุตนได้เข้ามาชื้อของที่เซเว่น ในขณะที่ตนยืนจ่ายเงินค่าสินค้า ตนได้วางกระเป๋าเงินเอาไว้ที่ด้านหน้าเคาท์เตอร์ชั้นล่าง ซึ่งตนก็ไม่ได้ดูว่าตนได้วางกระเป๋าเงินทับโทรศัพท์มือถือเอาไว้

พอตนจ่ายค่าของเสร็จ ตนก็หยิบทั้งกระเป๋าเงินและของที่วางรวมกันเอาไปหมดเลย พอไปถึงที่บ้านจึงเห็นโทรศัพท์ติดมือไปด้วย  ซึ่งตนก็ไม่คิดที่จะเอาของใครและคิดว่าจะนำมาคืนที่ร้านแต่ยังไม่มีเวลา

ส่วนโทรศัพท์หลานชายได้นำไปใช้และเปลี่ยนซิม เบื้องต้นผู้ต้องหาให้หารับสารภาพว่าได้หยิบโทรศัพท์ไปจริง  จึงได้นำตัวผู้ต้องส่งพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำ  ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป