
วันที่ 22 มิ.ย.2563 เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงครามได้รับแจ้งจากนายเนี่ยม อายุ 70 ปี เจ้าของห้องเช่าในพื้นที่หมู่ 10 ตำบลบางขันแตก อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม ขอให้มาจับจระเข้ตัวเขื่องอยู่ในห้องเช่าของตนที่ผู้เช่าหนีไปแล้ว
จึงไปตรวจสอบด้านหน้าเป็นห้องเช่าปกติทั่วไป แต่พอไปด้านหลังพบมีการก่ออิฐต่อเติมเป็นบ่อขนาดกว้างประมาณ 1.5 เมตร ยาว 4 เมตร สูงกว่า 1 เมตร มีกระเบื้องลอนคู่บางไว้ด้านบนทำเป็นหลังคา พอเปิดกระเบื้องออกมาเจ้าหน้าที่ถึงกับผงะ
เมื่อเจอจระเข้ขนาดตัวเขื่อง ยาวประมาณ 1.5 เมตร เพศเมีย อายุประมาณ 2 ปี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ผ้าคลุมปิดหัวจระเข้ไม่ให้มองเห็น แต่จระเข้มีอาการดุร้าย และอ้าปากตลอด เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวัง
แต่โชคดีเจ้าหน้าที่มีประสบการณ์ในการจับจระเข้ จึงใช้เวลาประมาณ 10 นาที สามารถใช้ผ้าคลุมหัวจระเข้และใช้เหล็กค้ำจับจระเข้มัดปากใช้ผ้ามัด ส่งมอบให้นายสามารถ คึ้มสูง เจ้าพนักงานประมงปฏิบัติงาน กรมประมงรับไปดูแลต่อไป
ด้านนายเนี่ยม อายุ 70 ปี เจ้าของห้องเช่า กล่าวว่า ห้องเช่านี้เดิมมีผู้เช่าเป็นชายรายหนึ่งมาเช่าอยู่ กระทั่งตนไปธุระที่จังหวัดร้อยเอ็ดและเจอพิษโควิด 19 จึงไม่สามารถกลับมาดูแลห้องเช่าได้ ต้องอยู่จังหวัดร้อยเอ็ดนาน 3 เดือน เมื่อพ้นวิกฤติตนกลับมาจังหวัดสมุทรสงคราม
พบว่าผู้เช่าห้องนี้หนีออกไปแล้วและมีผู้เช่าห้องมาบอกว่าห้องนี้เปิดไฟส่องสว่างไว้กว่า 10 วันแล้ว จึงเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าด้านหลังห้องเช่ามีการต่อเติม และพบจระเข้
ตนได้แจ้งไปยังผู้เช่าเดิมถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่ยอมมาจับจระเข้ไป จึงแจ้งตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงครามและ ขอให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยมาจับไปที เพราะเก็บไว้ก็เป็นอันตรายต่อเด็กๆ และผู้เช่าห้อง
ด้านนาย นเรศร์ อายุ 33 ปี อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรมสมุทรสงคราม กล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งจึงรีบไปดูก็พบว่ามีจระเข้อยู่ในบ่อจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการจับมอบให้เจ้าหน้าที่ดูแล
เบื้องต้นสันนิษฐานว่าผู้เช่าห้องเดิมคงเลี้ยงไว้ตั้งแต่เล็กๆน่ารักพอโตไม่รู้จะเอาไปไหนกลัวความผิดจึงหลบหนีไปก็เป็นได้